ต๊าปเครื่อง หรือที่เรียกว่า ต๊าปมือ นั้นคือตัวเดียวกัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆดังนี้

1.ต๊าปเครื่อง แบบเกลียวตรง หรือเรียกอีกแบบว่า ต๊าปเกลียวตรง PO

เวลาต๊าปงานของเกลียวตรง PO นั้นเศษของชิ้นงานจะไหลลงไปเพราะเป็นการต๊าปแบบรูทะลุ

2.ต๊าปเครื่อง แบบเกลียวเลื้อย หรือเรียกอีกแบบว่า ต๊าปเกลียวเลื้อย SP ➤คลิ้กลิงค์ ต๊าปSP

เวลาต๊าปงานของเกลียวเลื้อย SP นั้นเศษของชิ้นงานจะเลื้อยขึ้นมาเพราะเป็นการต๊าปงานแบบรูไม่ทะลุหรือรูบอด (ฺBlind Holes)

วิธีการทำเกลียว

สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การหล่อ การรีด การกลึง การต๊าป(ทำเกลียวใน) การดาย(ทำเกลียวนอก)

1.วิธีการรีด-โดยส่วนมากนั้นจะนิยมใช้กับการผลิตเป็นจำนวนมากๆ อาทิเช่น พวกสกรูชนิดต่างๆ เป็นต้น

2.วิธีการกลึง-เหมาะสำหรับงานเฉพาะทาง ที่ผลิตเกลียวขนาดกลางถึงใหญ่

3.วิธีการต๊าปและดาย-เหมาะสำหรับสำหรับเกลียวขนาดเล็กจนไปถึงขนาดกลาง                                                       

โดยจะใช้ต๊าปในการทำเกลียวใน และดายในการทำเกลียวนอก

3.1 การทำเกลียวในด้วยดอกต๊าป -

เหมาะสำหรับทำเกลียวในขนาดไม่เกิน 25 มิลลิเมตร ถ้าขนาดใหญ่กว่านี้จะใช้วิธีการกลึงตามที่กล่าวไปข้างต้น 

โดยทั่วไปดอกต๊าปที่ผลิตนั้นจะผลิตเป็นชุด ซึ่งชุดหนึ่งจะมี 3 ตัว ประกอบด้วย

1.ดอกต๊าปเทเปอร์ (TAPER TAP) - ปลายดอกต๊าปจะเรียวเป็นระยะความยาว 8-10 เกลียว เป็นดอกต๊าปตัวแรกที่ใช้ทำเกลียว 

2.ดอกต๊าปปลั๊ก  (PLUG TAP)- ปลายดอกต๊าปจะเรียวเป็นระยะความยาว 3 เกลียว เป็นดอกต๊าปที่ใช้ไล่เกลียวให้ทะลุ

3.ดอกต๊าปบ็อตต็อม (ฺBOTTOM TAP)- ปลายดอกต๊าปจะไม่เรียว แต่ตรงมุมดอกต๊าปจะมีขนาด 45 องศา ใช้ในการต๊าปรูบอด

วิธีการหาขนาดของรูที่เจาะเพื่อต๊าปเกลียว (TAP DRILL SIZE)

โดยหลักๆแล้วรูที่จะต๊าปเกลียวต้องเล็กกว่าขนาดของดอกต๊าปเล็กน้อยเพื่อให้ตัดเกลียวได้พอดี 

โดยจะมีสูตรในการคำนวณหารูเจาะดังนี้

TDS ขนาดของรูทีี่จะเจาะ  = D(ขนาดความโตของต๊าป) -1/N(จำนวนเกลียว/นิ้ว)

TDS ขนาดของรูทีี่จะเจาะ  = D(ขนาดความโตของต๊าป) - P(ระยะระหว่างเกลียวหรือ Pitch)